top of page

ข่าวดี! สภาฯ ยกเลิกคสช.ที่4/2559 เรื่อง "ผังเมืองและโรงงานขยะรีไซเคิล"

อัปเดตเมื่อ 1 ส.ค.

ประเทศไทยเดินหน้า “พัฒนาเศรษฐกิจ-แก้ปัญหาขยะล้นเมือง” เตรียมก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

พิจารณายกเลิก คสช.ที่ 4/2559 เรื่อง "ผังเมืองและโรงงานขยะรีไซเคิล"


ยกเลิกคำสั่งคสช.ที่4/2559

เมื่อ 23 ก.ค. 2568 สภาผู้แทนราษฏร ได้พิจารณาพระราชบัญญัติในมาตรา 2 ซึ่งเกี่ยวข้องกับคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 4/2559 เรื่อง การยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมสำหรับการประกอบกิจการบางประเภท และได้มีมติให้การยกเลิกคสช.ที่ 4/2559


คสช.ที่ 4/2559 คืออะไร?

คสช.ที่ 4/2559  ออกโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ  เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2559  เรื่อง การยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมสำหรับการประกอบกิจการบางประเภท ดังต่อไปนี้


ข้อ ๑  ให้ยกเว้นการบังคับใช้กฎกระทรวงฯผังเมืองรวม ทุกฉบับในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ที่มีผลใช้บังคับทางกฎหมายอยู่ ณ วันที่ 20 มกราคม 2559 (วันที่มีคำสั่งฉบับนี้) หรือที่จะประกาศและมีผลใช้บังคับภายในหนึ่งปีนับจากวันที่มีคำสั่งฉบับนี้ (ระหว่างวันที่ 21 มกราคม 2559 – 20 มกราคม 2560) สำหรับการอนุมัติอนุญาตให้ประกอบกิจการ ดังต่อไปนี้


(1) คลังน้ำมันตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง


(2) กิจการโรงงานลำดับที่ 88: โรงงานผลิต ส่ง หรือจำหน่ายพลังงานไฟฟ้า (โรงไฟฟ้าและสถานีส่งไฟฟ้า)


(3) กิจการที่เป็นส่วนหนึ่งของการผลิต ขนส่ง และระบบจำหน่ายพลังงานของกิจการตาม (1) และ (2) (เช่น ท่อส่งน้ำมัน สายส่งไฟฟ้า)ทั้งนี้กิจการตาม (1) (2) และ (3) เป็นไปตามที่กำหนดไว้ใน



และรวมถึงการแก้ไขเพิ่มเติมปรับปรุงแผนซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีในภายหลังด้วย


(4) กิจการโรงงานลำดับที่ 89: โรงผลิตก๊าซซึ่งมิใช่ก๊าซธรรมชาติ (เช่น โรงงานผลิตก๊าซชีวภาพ)


(5) กิจการโรงงานลำดับที่ 101: โรงงานปรับปรุงคุณภาพของเสียรวม (เช่น โรงบำบัดน้ำเสีย เตาเผาขยะ)


(6) กิจการโรงงานลำดับที่ 105: โรงงานคัดแยกและฝังกลบสิ่งปฏิกูล วัสดุที่ไม่ใช้แล้ว (เช่น หลุมฝังกลบขยะ)


(7) กิจการโรงงานลำดับที่ 106 โรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับการนำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ไม่ใช้แล้ว หรือของเสียจากโรงงานมาผลิตเป็นวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยผ่านกรรมวิธีการผลิตทางอุตสาหกรรม (โรงงานรีไซเคิล)


(8) กิจการอื่นที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการกำจัดมูลฝอย


คสช.ที่ 4/2559

คสช.ที่ 4/2559

ข้อ ๒ คำสั่งนี้ให้มีผลใช้บังคับทันทีตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

ซึ่งผลบังคับใช้ดังกล่าวทำให้ โดยลดข้อจำกัดทางกฎหมายเรื่องพื้นที่ตั้งโรงงานหรือกิจการที่เกี่ยวข้องการผลิตพลังงานและการจัดการขยะของเสียสิ่งปฏิกูล ซึ่งเดิมมีหลักเกณฑ์ข้อห้ามตามกฎกระทรวงฯผังเมืองรวมที่บังคับใช้อยู่ในพื้นที่อำเภอหรือจังหวัดนั้นๆ ทำให้หน่วยงานรัฐไม่สามารถอนุมัติอนุญาตให้ประกอบกิจการตาม(1)-(8) ในพื้นที่ที่ต้องการได้ เช่น พื้นที่เขตอนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรมที่มีข้อกำหนดห้ามสร้างโรงไฟฟ้า เป็นต้น


นอกจากนี้คำสั่งฉบับนี้ทำให้หน่วยงานรัฐสามารถอนุมัติอนุญาตการประกอบกิจการตาม (1)-(8) ได้โดยไม่ต้องพิจารณาข้อห้ามตามกฎหมายผังเมือง ซึ่งเป็นมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมเชิงพื้นที่ที่สำคัญอีกต่อไป


คลิกอ่านคสช.ที่4/2559 ฉบับเต็มที่นี่

การยกเลิกคสช.ที่4/2559 เรื่อง "ผังเมืองและโรงงานขยะรีไซเคิล"

สภาผู้แทนราษฏรได้มีมติให้การยกเลิกคสช.ที่ 4/2559 โดยให้ผลทันทีที่ประกาศลราชกิจจาฯโดยไม่ต้องรอ 2 ปี  เนื่องจากคำสั่งดังกล่าวส่งผลทำให้มีโรงงานรีไซเคิลและกิจการพลังงานได้ยกเว้นผังเมืองเกิดขึ้นจำนวนมาก


และหลายพื้นที่เกิดการปนเปื้อนผลกระทบในสิ่งแวดล้อมโดยที่ไม่สามารถแก้ไขเยียวยาความเสียหายให้แก่ชุมชนและสิ่งแวดล้อมได้ ซึ่ง ณ วันนี้ทั้งประเทศมีโรงงานคัดแยกฝังกลบหรือรีไซเคิลขยะ กิจการบำบัดน้ำเสีย และโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน ทั้งหมดที่ได้ใบอนุญาตก่อนคำสั่งนี้และหลังมีคำสั่งนี้ รวมทั้งสิ้นมีจำนวนถึง 3,556 แห่งตามฐานข้อมูลของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ไม่รวมที่ทำโดยผิดกฎหมาย


แม้ว่าเดิมพื้นที่นั้นอาจถูกกำหนดไว้ตามผังเมืองรวมให้เป็นพื้นที่สีเขียว เขตเกษตรกรรม หรือเขตชุมชนที่มีข้อกำหนดห้ามตั้งโรงไฟฟ้าและโรงงานขยะ แต่การออกคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 4/2559 เพื่อยกเว้นกฎหมายผังเมืองดังกล่าว เป็นการลดทอนมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมเชิงพื้นที่ที่สำคัญและทำลายหลักประกันสิทธิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน


เหตุผลการยกเลิกคสช.ที่4/2559

การยกเลิกคสช.ที่4/2559 นี้ เพื่อแก้ไขข้อขัดข้องทางกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินนโยบายของรัฐในการรับมือกับปัญหาเร่งด่วนด้านความมั่นคงในการจัดหาพลังงานของประเทศ รวมถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการบริหารจัดการปัญหาขยะล้นเมือง และเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้ก้าวทันการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน





bottom of page